มีไม่พอ
ระหว่างทางจากโบสถ์กลับบ้าน ลูกสาวฉันนั่งกินขนมกรุบกรอบรูปปลาอยู่เบาะหลังอย่างมีความสุขและลูกคนอื่นๆ ของฉันขอร้องให้เธอแบ่งให้บ้าง ฉันพยายามเปลี่ยนเรื่องคุยจึงถามเจ้าของขนมว่า “วันนี้ทำอะไรในห้องเรียนบ้าง” เธอเล่าว่าทำตะกร้าใส่ขนมปังกับปลาเพราะเด็กคนหนึ่งเอาขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวให้พระเยซูเลี้ยงคนมากกว่าห้าพันคน (ยน.6:1-13)
ทวีคูณใจที่กว้างขวาง
เชอริลรู้สึกประหลาดใจขณะแวะมาส่งพิซซ่าตามสั่ง เพราะเข้าใจว่าจะเป็นบ้านคน แต่เธอกลับยืนอยู่หน้าโบสถ์แห่งหนึ่ง ขณะที่ถือกล่องพิซซ่าเดินเข้าไปข้างในอย่างงุนงง เธอพบกับศิษยาภิบาลคนหนึ่ง
ของขวัญแห่งการให้
ศิษยาภิบาลคนหนึ่งนำสำนวนที่กล่าวว่า “ยอมสละเสื้อให้” มาทำให้เป็นจริงด้วยการท้าทายสมาชิกว่า “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราถอดเสื้อนอกและสละให้กับคนขัดสน” จากนั้นเขาก็ถอดเสื้อกันหนาวของตัวเองออกและวางไว้หน้าโบสถ์ อีกหลายสิบคนทำตามอย่างเขา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในฤดูหนาว หลายคนจึงต้องกลับบ้านลำบากหน่อยในวันนั้น แต่สำหรับคนที่ขัดสนอีกหลายสิบคน ฤดูหนาวปีนี้อุ่นขึ้นกว่าเดิม
มือที่เอื้อเฟื้อ
ในปี 1891 บิดดี้ เมสัน ถูกฝังไว้ในหลุมศพที่ไม่มีป้ายชื่อแห่งหนึ่งในลอสแองเจลิส นี่ไม่ใช่เรื่องผิดวิสัยสำหรับผู้หญิงที่เกิดมาเป็นทาส แต่สำหรับคนที่ประสบความสำเร็จอย่างบิดดี้ ถือเป็นเรื่องแปลก หลังจากได้รับอิสรภาพในปี 1856 ทักษะด้านการพยาบาลและความชาญฉลาดทางธุรกิจทำรายได้ให้กับเธอจำนวนมาก เธอเห็นความทุกข์ยากของผู้อพยพและนักโทษ เธอให้ความช่วยเหลือคนเหล่านั้นผ่านงานการกุศลอยู่บ่อยๆ จนผู้คนเริ่มมาต่อแถวขอความช่วยเหลือที่บ้านของเธอ ในปี 1872 หลังพ้นจากการเป็นทาสมาเพียง 16 ปี เธอและลูกเขยให้เงินสนับสนุนการก่อตั้งคริสตจักรแห่งหนึ่งในลอสแองเจลิส
ยกให้เปล่าๆ
องค์กรการกุศลหลายแห่งที่ช่วยผู้คนที่เดือดร้อนในเรื่องต่างๆ อยู่ได้ด้วยการรับบริจาคเสื้อผ้าและสิ่งของเหลือใช้จากคนที่มีมากเกินความจำเป็น การบริจาคสิ่งที่ไม่ใช้แล้วเพื่อให้เป็นประโยชน์กับผู้อื่นเป็นเรื่องที่ดี แต่เรามักลังเลที่จะสละสิ่งมีค่าที่เราใช้อยู่ทุกวัน
พระพรของการให้
ไม่ควรเลยที่หญิงม่ายจะถวายเงินไม่กี่เหรียญสุดท้ายที่เธอมี ให้กับสถาบันในเยรูซาเล็มที่มีแต่การโกงกิน เป็นเมืองที่พวกอาลักษณ์ซึ่งยังชีพด้วยเงินถวาย “มักริบเอาเรือนของหญิงม่าย” (มก.12:40) แต่พระเยซูมองการกระทำของหญิงผู้นี้ว่า เป็นท่าทีที่ถูกต้องในเรื่องของเงินทอง (มก.12:41-44)